Siambeetle forum

 ลืมรหัสผ่าน
 สมัครสมาชิก
ดู: 77917|ตอบ: 28
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

มาเพาะด้วงกันเถอะ !! แก้ไขปรับปรุง29/07/2013 [คัดลอกลิงก์]

ผู้ดูแลบอร์ด

อยากกลับประเทศไทยเร็วๆจัง

Rank: 20Rank: 20Rank: 20Rank: 20Rank: 20

เวลาออนไลน์
621 ชั่วโมง
UID
11
เครดิต
3848
ความเทพ
284
ประสบการณ์
2978
ทองคำ
10
โพสต์
282
กระทู้
27
สมัครสมาชิกเมื่อ
2012-2-2
เข้าสู่ระบบล่าสุด
2023-4-11
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย pun0007za เมื่อ 2013-7-29 00:20

มาเพาะด้วงกันเถอะ!!

ก่อนอื่นเราต้องมาทำความรู้จักกันก่อนว่าด้วงแบ่งเป็นกี่ชนิดกันบ้างนะครับ

เขาว่ากันว่า ด้วงหรือแมลงปีกแข็งนั้นมีจำนวนที่เยอะที่สุดในโลกซึ้งสามารถแบ่งออกเป็นหลายวงศ์เลยทีเดียวครับแต่ด้วงที่นิยมเพาะเลี้ยงกันส่วนใหญ่มักจะอยู่ในวงศ์Scarabaeidaeครับ เช่นด้วงคีม(Lucanidae) ด้วงกว่าง(Dynastinae)กว่างดาว(Euchirinae)ด้วงดอกไม้(Cetoniinae) เป็นต้น  

ต่อมาเราจะมาดูวิธีการเพาะด้วงแต่ล่ะชนิดกันนะครับซึ่งแต่ล่ะชนิดก็จะมีวิธีการเพาะที่แตกต่างกันไปหรือบางชนิดก็อาจมีวิธีเพาะที่เหมือนกันครับดังนั้นถ้าเพาะชนิดใดชนิดหนึ่งสำเร็จชนิดอื่นๆที่มีการเพาะเลี้ยงคล้ายๆกันก็สามารถเพาะได้ไม่ยากเช่นกันครับ


อุณภูมิและความชื้น

    อุณภูมิและความชื้นนั้นเป็นปัจจัยสำคัญมากสำหรับการเจริญเติบโตของด้วงครับอย่างไรก็ตามด้วงทั่วไปที่สามารถพบในประเทศไทยส่วนใหญ่เช่น กว่างชน กว่างญี่ปุ่นด้วงแรดมะพร้าวและด้วงดอกไม้ทั่วไปสามารถเพาะได้ในอุณภูมห้องปกติ25-30องศาเซลเซียสหรืออาจต่ำหรือสูงกว่านิดหน่อยแต่อุณภูมิที่เหมาะสำหรับการเพาะเลี้ยงด้วงคือ23-27ครับขึ้นอยู่กับชนิดของด้วง บางชนิดอาจชอบเย็นมากกว่าเช่นกลุ่มด้วงคีมก้ามปู(Lucanussp.)ที่ต้องการความเย็นกว่า20องศาเซลเซียสในการเพาะเลี้ยงเป็นต้นและนอกจากนี้การเลี้ยงตัวอ่อนในสถานที่ที่เย็น(ประมาน23-26องศาเซลเซียส)ถือเป็นปัจจัยส่วนหนึ่งที่ทำให้ตัวอ่อนเลี้ยงออกมาได้ขนาดใหญ่แต่ในขณะเดียวกันตัวอ่อนก็จะรอกคาบเป็นตัวเต็มวัยช้ากว่าปกติครับ.เรามาดูทางด้านความชื้นกันบ้างความชื้นนั้นเป็นปัจจัยที่สำคัญมากเช่นกันสำหรับการอยู่รอดของตัวอ่อนเพราะถ้าสถานที่อยู่เกิดชื้นแฉะเกินไปก็อาจทำให้ตัวอ่อนตายได้หรือตัวอ่อนอาจเกิดเป็นโรคลายจุดและแน่นอนครับถ้าสถานที่อยู่เกิดแห้งเกินไปก็ไม่ดีต่อตัวอ่อนเช่นกันดังนั้นการเปลี่ยนอาหารให้ตัวอ่อนนั้นต้องดูเรื่องความชื้นเป็นเรื่องสำคัญ ไม่ควรชื้นเกินไปและแห้งเกินไปครับ.


การผสมพันธุ์

ไม่ว่าจะเป็นด้วงคีม ด้วงกว่าง ด้วงดอกไม้หรือด้วงชนิดอื่นๆก่อนที่เราจะเพาะเราก็ต้องนำด้วงมาผสมพันธุ์กันก่อนครับวิธีการผสมพันธุ์ด้วงมีอยู่หลายวิธีแล้วแต่ถนัดเลยครับแต่ผมจะขอแนะนำว่าให้ใช้วิธีนี้ครับก่อนอื่นควรหาตู้ผสมพันธุ์ ที่มีขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่จนเกินไปครับแล้วแต่ชนิดของด้วงแต่ล่ะชนิดครับสามารถใช้ตู้ปลาที่ขายตามร้านขายปลาทั่วไปหรือกล่องพลาสติกที่สามารถหาซื้อได้ตามห้างทั่วไปครับหลังจากที่ได้ตู้ผสมพันธุ์มาแล้วควรจะหาวัสดุปูพื้นให้ด้วงครับเพราะถ้าไม่มีวัสดุปูพื้นอาจทำให้ด้วงเดินไม่สดวกและอาจะทำให้ขาด้วงหักได้ครับวัสดุปูพื้นสามารถหาซื้อได้ที่ www.siambeetle.com  ครับหรือจะใช้เป็นดินปลูกต้นไม้ก็ได้ครับแล้วแต่สดวก,เอาหละครับหลังจากที่อุปกรณ์ครบแล้วก็มาต่อกันเลยครับ ก่อนอื่นนำปูพื้นหรือดินปลูกต้นไม้ที่ได้มาไปผสมน้ำครับให้ชื้นพอประมานหรือถ้าชื้นอยู่แล้วก็ไม่ต้องผสมเพิ่มครับ  ปูพื้นบางๆในตู้สูงประมาน 2-3เซนติเมตร กำลังดีครับแล้วแต่ขนาดของด้วง(ควรหาเศษชิ้นไม้หรือมอสขาวมาวางเผื่อเพื่อกันด้วงหงายท้องครับ)จากนั้นนำตัวผู้และตัวเมียใส่ลงไปในตู้ผสมพันธุ์เลยครับ อย่าลืมใส่อาหารของด้วงลงไปด้วยนะครับพวกผลไม้สุกหรือเยลลี่ปีโป้ก็ได้ครับรอให้ตัวผู้และตัวเมียอยู่ด้วยกันเองประมาน5-7วันครับแล้วจึงสามารถนำตัวเมียแยกออกไปเพาะในตู้อื่นได้ในกรณีที่กลัวว่าตัวผู้จะทำร้ายตัวเมียระหว่างอยู่ในตู้ผสมพันธุ์โดยเฉพาะด้วงคีมที่มีนิสัยดุเช่นพวกด้วงคีมฟันเลื่อยต่างๆ(Dorcus titanus ssp. )สามารถหาลวดมาพันคีมของตัวผู้ได้ครับ(ตามรูป),ส่วนในกรณีของด้วงกว่างจะผสมง่ายกว่าด้วงคีมครับไม่จำเป็นต้องมาอยู่ด้วยกันนานถึงหนึ่งอาทิตย์ก็ได้ลองจับตัวผู้มาอยู่ใกล้ๆตัวเมียครับถ้าผสมแล้วก็ไม่จำเป็นต้องจำไปอยู่รวมกันครับสามารถจับตัวเมียแยกออกมาเพาะได้เลยครับปกติแล้วด้วงกว่างจะใช่เวลาผสมพันธุ์ประมาน 20-60นาทีครับถ้าเป็นด้วงคีมจะใช้เวลาผสมพันธุ์เพียง3-10นาทีโดยประมานครับ เราจะเริ่มนับเวลาเมื่ออวัยวะเพศของตัวผู้เข้าไปในท้องของตัวเมียแล้วเท่านั้นครับโดยปกติแล้วถ้าอวัยวะเพศของตัวผู้เข้าไปในท้องของตัวเมียแล้วถือว่าผสมติดครับแต่ต้องรอให้ตัวผู้นำอวัยวะเพศออกมาเองนะครับถ้าตัวเมียเกิดหนีระหว่างผสมอาจผสมไม่ติดครับ     


ด้วงคีมพาลาวัน(Dorcus palawanicus palawanicus)ที่ถูกมัดคีมไว้ระหว่างเข้าตู้ผสมพันธุ์ขอขอบคุณรูปจากหนังสือFor the Love of RHINOCEROS and STAG BEETLES 《沉醉兜锹》จากไต้หวัน(台湾)  



ด้วงคีมทองโรเซ็นฯ(Allotopus rosenbergi rosenbergi)ขณะผสมพันธุ์ใช้เวลาเพียง4-5นาที



ด้วงกว่างซางเหนือ(Eupatorus gracilicornis)ขญะผสมพันธุ์ ผสมนานกว่า40นาที


ด้วงกว่าง(Dynastinae)และด้วงดอกไม้(Cetoniinae)

ด้วงกว่างและด้วงดอกไม้บางชนิดจัดถือได้ว่าเป็นด้วงที่เพาะง่ายที่สุดในบรรดาด้วงที่นิยมเลี้ยงที่สุดแล้วครับไม่ว่าจะเป็นการผสมพันธ์ การวางไข่ที่ไม่ต้องใช้ไม้ผุ การเลี้ยงตัวอ่อน ฯลฯ  เหมาะสำหรับนักเพาะมือใหม่อย่างยิ่ง    ดังนั้นไครที่อยากลองเพาะด้วงก็สามารถหาด้วงกว่างของไทยราคาไม่แพงมาลองเพาะกันก่อนก็ได้ครับ  ชนิดที่แนะนำสำหรับนักเพาะด้วงมือใหม่ 1.กว่างชน(Xylotrupes Gideon  ssp.) 2.กว่างญี่ปุ่นหรือมูชิคิง(Trypoxylusdichotomus spp.)ถึงจะชื่อกว่างญี่ปุ่นแต่ก็สามารถหาได้ในประเทศไทยครับ3.ด้วงแรดมะพร้าว(Oryctes rhinoceros) เป็นต้น


กว่างญี่ปุ่นหรือมูชิคิงจากประเทศจีน(Trypoxylus dichotomus spp.)



กว่างชนจากประเทศอินโดนีเซีย(Xylotrupes Gideon  ssp.)



ด้วงดอกไม้โปลิเฟสมันจากแอฟฟริกา(Mecynorhina polyphemus)เป็นด้วงที่สามารถเพาะได้ง่ายมากเลยทีเดียวครับ



ด้วงคีม(Lucanidae)  

  ในวงศ์ของด้วงคีม(Lucanidae)เองก็สามารถแบ่งได้เป็นหลายกลุ่มเลยทีเดียวครับซึ่งในแต่ล่ะกลุ่มนี้จะมีวิธีเพาะที่แตกต่างกันไปครับเราจะแบ่งเป็นสองประเภทนะครับระหว่างการวางไข่ในไม้ผุและการวางไข่ในดินครับ แต่ปกติแล้วด้วงคีมจะวางไข่ในไม้ผุซะส่วนใหญ่ดังนั้นเรามาดูกลุ่มด้วงคีมที่ไข่ในดินเหมือนพวกด้วงกว่างกันเถอะครับ

กลุ่มด้วงคีมที่วางไข่ในดินมีดังนี้: กลุ่มด้วงคีมนีโอฯ(Neolucanussp.),กลุ่มด้วงคีมโอดอนฯ(Odontolabissp.)และกลุ่มด้วงด้วงคีมร่อง(Aegus sp.)เป็นต้นแน่นอนครับอาจจะยังมีด้วงคีมบางกลุ่มที่สามารถไข่ในดินได้อีกเช่นกันแต่ส่วนใหญ่ที่จะพบบ่อยๆมักจะเป็นสามกลุ่มพวกนี้ครับ        

ชนิดที่ด้วงคีมที่แนะนำสำหรับนักเพาะเลี้ยงมือใหม่ 1.ด้วงคีมร่องเก่า(Aeguschelifer chelifer วางไข่ในดิน) 2.ด้วงคีมฟันเลื่อยธรรมดา(Serrognathusplatymelus platymelusวางไข่ในไม้ผุ)หรือด้วงคีมฟันเลื่อยใต้(Dorcustitanus titanusวางไข่ในไม้ผุ)3.ด้วงคีมแดงธรรมดา(Prosopocoilusastacoides astacoidesวางไข่ในไม้ผุ)เป็นต้น


ด้วงคีมฟันเลื่อยเหนือหรือด้วงคีมฟันเลื่อยธรรมดา(Serrognathus platymelus platymelus)



ด้วงคีมฟันเลื่อยใต้(Dorcus titanus titanus)จะมีลักษณะคีมที่หนากว่าด้วงคีมฟันเลื่อยธรรมดาครับ

มี 12 ผู้ให้คะแนนความเทพ ย่อ เหตุผล
chai. + 1 เยี่ยมมากๆ
juijin + 1 เยี่ยมมาก ขอบคุณครับ.
fewzaza187 + 1 เยี่ยมมากๆ
james + 1 เนื้อหาดีมีสาระ.
TimTorres + 1 เนื้อหาดีมีสาระมากคร.
039381143 + 1 เยี่ยมมากๆ
oOPaPoiOo + 1 เยี่ยมมากๆ
junk + 1 เนื้อหาดีมีสาระ.
winwin + 1 เนื้อหาดีมีสาระ.
Gap + 1 เยี่ยมมากๆ
TTThunder + 1 เยี่ยมมาก ขอบคุณครับ.
admin + 1 เยี่ยมมากๆ

คะแนนรวม: ความเทพ + 12   ดูบันทึกคะแนน

ผู้ดูแลบอร์ด

อยากกลับประเทศไทยเร็วๆจัง

Rank: 20Rank: 20Rank: 20Rank: 20Rank: 20

เวลาออนไลน์
621 ชั่วโมง
UID
11
เครดิต
3848
ความเทพ
284
ประสบการณ์
2978
ทองคำ
10
โพสต์
282
กระทู้
27
สมัครสมาชิกเมื่อ
2012-2-2
เข้าสู่ระบบล่าสุด
2023-4-11
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย pun0007za เมื่อ 2013-7-29 00:39

         วิธีการเพาะด้วงคีมที่วางไข่ในดินด้วงกว่าง และด้วงดอกไม้รวมถึงการดูแลตัวอ่อน

การเพาะด้วงคีมที่ไข่ในดินพวกด้วงกว่างและด้วงดอกไม้บางชนิด นั้นสามารถใช้วิธีเดียวกันได้เลยครับสำหรับตู้วางไข่สามารถใช้เป็นตู้ปลาหรือตู้พลาสติกเหมือนกับตู้ผสมพันธุ์ก็ได้ครับแต่ตู้วางไข่นี้จะขอเน้นความสูงเยอะหน่อยครับอย่างน้อยขอให้มีความสูงไม่ต่ำกว่า15เซนติเมตรครับ  เรามาดูอุปกรณ์กันดีกว่าว่าต้องการอะไรบ้างนะครับ1.ตู้วางไข่ที่เน้นความสูงไม่ต่ำกว่า15เซนติเมตร2.อาหารตัวอ่อนของด้วงกว่างและวัสดุปูพื้นของด้วงกว่าง(หาซื้อได้ที่www.siambeetle.comมีหลายสูตรให้เลือกซื้อบางสูตรสามารถใช้ด้วยกันได้หรือตามเว็ปขายอุปกรณ์ด้วงทั่วไป)3.เยลลี่หรือผลไม้สุกสำหรับให้ด้วงกินเป็นอาหาร   วิธีจัดตู้ง่ายๆครับ นำวัสดุปูพื้นมาผสมน้ำก่อนครับผสมให้ชื้นกำลังพอดีครับอย่าชื้นเกินไป   แล้วอัดแน่นลงไปในตู้ให้สูง5เซนติเมตรโดยประมานครับต่อมานำน้ำมาผสมอาหารตัวอ่อนให้ชื้นกำลังพอดีเหมือนวัสดุปูพื้นครับแล้วใส่ลงไปเพิ่มอีก10-15เซนติเมตร(ตามรูป)โดยไม่ต้องอัดแน่นครับหลังจากนั้นก็หาเศษไม้หรือมอสขาวมาวางไว้ก็ได้ครับเพื่อกันด้วงหงายท้องและนำผลไม้สุกหรือเยลลี่วางไว้บนผิวอาหารครับ(ตามรูป)จากนั้นสามารถนำตัวเมียเข้ามาวางไข่ได้เลยประมาน1-2เดือนแล้วค่อยมารื้อตู้อีกทีครับอย่าลืมเปลี่ยนอาหารให้ทุกๆ3-4วันนะครับระหว่างด้วงวางไข่ไม่ควรยกตู้หรือขยับตู้เป็นอันขาตเพราะอาจไปรบกวนตัวเมียวางไข่ได้นอกจากจะเปลี่ยนอาหารให้เท่านั้นครับ.



ตกแต่งตามใจชอบครับ



หลังจากที่เราได้ปล่อยตัวเมียลงไปวางไข่ประมาน1-2เดือนเราก็สามารถที่จะรื้อตู้ค้นหาตัวอ่อนเพื่อแยกเลี้ยงตัวล่ะกระปุกครับเพื่อความปลอดภัยของตัวอ่อนควรจะรื้อตู้หลังจากที่ตัวเมียลงวางไข่แล้ว2เดือนขึ้นไปเท่านั้นครับ โดยปกติแล้วเราสามารถแบ่งระยะหนอนได้สามระยะครับได้แก่L1ระยะที่พึ่งออกมาจากไข่ L2ระยะที่รอกคาบต่อจากแอลหนึ่งและL3ระยะที่รอกคาบต่อจากแอลสองและเป็นระยะสุดท้ายก่อนที่จะเข้าสู่ระยะดักแด้ครับแล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าตัวอ่อนอยู่ในระยะอะไรบ้างนั้นขึ้นอยู่กับความกว้างของหัวกะโหลกตัวอ่อนและชนิดของด้วงด้วยครับเช่นกว่างสามเขา(Chalcosoma sp.) ในระยะL1ตัวอ่อนจะมีหัวกะโหลกที่กว้าง2mmL2จะมีหัวกะโหลกที่กว้าง8mmและL3จะมีหัวกะโหลกที่กว้าง13mm เป็นต้น.ก่อนที่เราจะรื้อตู้ควรหากระปุกใส่ตัวอ่อนสำรองไว้ด้วยนะครับหนึ่งกระปุกต่อหนึ่งตัวเพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงตัวอ่อนทำร้ายกันเองครับขนาดของกระปุกก็แล้วแต่ชนิดของด้วงเลยครับว่าตัวใหญ่หรือเล็ก ถ้าเป็นด้วงกว่างญี่ปุ่นหรือมูชิคิง  รื้อออกมาแล้วเจอL1ควรหากระปุกขนาด200-300mlให้อยู่ครับ เจอL2ควรหากระปุกที่มีขนาดประมาน500mlครับ เจอL3ควรหากระปุกขนาด 900-1000mlขึ้นไปครับ กระปุก1000ml สามารถเลี้ยงได้จนถึงระยะเข้าดักแด้โดยไม่ต้องเปลี่ยนกระปุกอีกแต่สำหรับด้วงที่ทำรังดังแด้แนวตั้งเช่นกว่างญี่ปุ่นกระปุกควรมีความสูงไม่ต่ำกว่า 10เซนติเมตรครับ เปลี่ยนอาหารตัวอ่อน1-1.5เดือนต่อครั้งแล้วแต่ความต้องการตัวอ่อนครับ(ถ้าอุจจาระของตัวอ่อนเยอะเกินไปสามารถเปลี่ยนได้ทันทีครับ).ถ้าเป็นด้วงคีมชนิดที่มีขนาดเล็กก็สามารถเลือกใช้ประปุกที่มีขนาด 100-500mlเช่นพวกด้วงคีมร่องเก่าเป็นต้น. สำหรับชนิดที่มีขนาดใหญ่หรือปลานกลางสามารถเลือกได้ตั้งแต่200-1000mlครับเช่น ด้วงคีมซิว่าเป็นต้น.ด้วงคีมที่ชอบวางไข่ในดินจะไม่ชอบกินเชื้อเห็ดหรืออาหารที่มีการผสมไม้ผุไม้บทที่มากไป ฯลฯ ดังนั้นเวลาให้อาหารตัวอ่อนด้วงคีมกลุ่มนี้ควรใช้เป็นอาหารของกว่างหรือสูตรเฉพาะครับ.


วิธีการเพาะด้วงคีมที่ไข่ในไม้ผุและการดูแลตัวอ่อน

   ก่อนอื่นเราต้องมาเตรียบอุปกรณ์กันก่อนครับว่าต้องการอะไรบ้าง,1.วัสดุปูพื้นด้วงคีม2.ขอนไม้ผุสำหรับวางไข่(สามารถหาซื้อได้ที่www.siambeetle.com มีหลากหลายไซต์ให้ทุกคนได้เลือกครับ)


3.ตู้วางไข่ที่มีความสูงไม่ต่ำกว่า15cm(สามารถใช้เป็นตู้ปลาหรือตู้พลาสติกตามที่กล่าวไปด้านบน) 4.เยลลี่หรือผลไม้สุกเพื่อให้ด้วงกินเป็นอาหารหลังจากที่เราเตรียบอุปกรณ์ครบแล้วเราก็มาเริ่มกันเลยครับนำไม้ผุที่เตรียบสำหรับเพาะไปแช่น้ำโดยให้ท่อนไม้ทั้งท่อนแช่อยู่ใต้น้ำ12ชั่วโมงหรือประมาน1คืน(ตามรูป)ห้ามให้ไม้ผุลอยขึ้นมาบนผิวน้ำเป็นอันขาตครับเพราะว่าไม้จะไม่สามารถดูดน้ำเข้าไปได้ไม่เต็มที่ครับ



หลังจากนั้นนำไม้ผุมาตากไว้ในที่มืดสามารถใช้ผ้าขนหนูหรือกระดาษหนังสือพิพพ์ห่อไว้ครับก่อนลงตู้เพาะสามารถนำเปลือกไม้ด้านนอกตัดออกได้ครับเพื่อจะได้เป็นการประหยัดพลังงานของตัวเมียในการวางไข่,ต่อมาผสมวัสดุปูพื้นกับน้ำให้ชื้นกำลังพอดีแล้วอัดแน่นลงไปในตู้วางไข่ 5cmครับและนำไม้ผุที่ผ่านการแช่และตากแล้วมาวางไว้ซัก1-3ท่อนครับแล้วนำวัสดุปูพื้นมากลบท่อนไม้ผุให้เหลือแค่1/3ของไม้ผุครับและตามด้วยเยลลี่หรือผลไม้สุกวางไว้เพื่อให้ด้วงกินเป็นอาหาร(ตามรูป)



หลังจากนั้นก็สามารถนำตัวเมียที่ผสมพันธุ์แล้วมาวางไข่ได้เลยครับหลังจากนั้นก็รอไปอีก2เดือนแล้วจึงจะสามารถรื้อตู้ได้พยายามหลีกเลี่ยงหรือห้ามขยับตู้วางไข่เป็นอันขาตครับเพราะอาจทำให้ตัวเมียตกใจแล้วไม่ยอมไข่ครับยกเว้นจะเปลี่ยนอาหารให้ด้วงตัวเมียทุกๆ3-4วันครับ เรามาดูการรื้อตู้วางไข่กันเถอะครับปกติแล้วด้วงคีมจะเจาะไม้ผุเป็นรูประมาน5-10mmเพื่อวางไข่(ตามรูป)


ไข่ของด้วงคีมฟันเลื่อยที่ผมเคยเพาะไว้ครับ


สำหรับคนที่ใจร้อนก็สามารถรื้อตู้ได้เลยหลังจากที่ด้วงวางไข่ประมาน1เดือนเศษครับส่วนใหญ่จะมักจะเจอตัวอ่อนL1และไข่ครับ  แต่ผมแนะนำว่าดีที่สุดควรจะรอ2เดือนขึ้นไปเพื่อความปลอดภัยของตัวอ่อนเรามาเริ่มรื้อตู้กันได้ครับจะสังเกตุได้ว่าตัวเมียนั้นทำตู้ไว้ค่อนข้างรกมากๆจะเห็นเป็นรอยเจาะไม้บ้างรอยโพรงบ้างฯลฯ ,หยิบขอนไม้ผุวางไข่ขึ้นมาค่อยๆใช้มีดหรือไขควงค่อยๆแคะๆตามรอยที่ตัวเมียไข่ไว้ครับหรือจะผ่าไม้เลยก็ได้ครับ (ตามรูป) ขอขอบคุณรูปทั้งสองจากหนังสือ For theLove of RHINOCEROS and STAG BEETLE



ตัวอ่อนจากไม้ผุวางไข่ของด้วงคีม



ระหว่างหาต้องระวังเป็นพิเศษนะครับอาจไม่ระวังไปแทงตัวอ่อนอาจตายได้ยครับ.

      เรามาดูทางด้านตัวอ่อนของด้วงคีมกันบ้างนะครับปกติแล้วด้วงคีมที่ไข่ในไม้ผุส่วนใหญ่ตัวอ่อนจะชอบกินเชื้อเห็ดมากๆครับ สำหรับนักเพาะด้วงบางท่านอาจจะกำลังสับสนว่าจะใช้อะไรให้ตัวอ่อนด้วงคีมกินดี?เชื้อเห็ดหรือไม้ผุบท อะไรจะดีกว่ากันนะ?ผมตอบได้เลยครับว่าเชื้อเห็ดดีกว่าแน่นอนครับแต่ก็ขึ้นอยู่กับชนิดของด้วงด้วยครับบางชนิดชอบกินเชื้อเห็ดบางชนิดก็ไม่ชอบกินเชื้อเห็ดครับถึงแม้เชื้อเห็ดจะเลี้ยงได้ตัวโตขนาดใหญ่กว่าพวกไม้ผุบทก็ตามแต่มันก็มีข้อเสียครับถ้าพื้นที่อุณภูมิที่เพาะเลี้ยงตัวอ่อนสูงกว่า30องศาหรือต่ำกว่า20องศาก็จะทำให้เชื้อเห็ดที่เลี้ยงตัวอ่อนเกิดอาการบูดหรือเสียครับ(ในรูปเป็นเชื้อที่ทิ้งไว้ในอากาศที่เย็นเกินไปครับ)




แน่นอนครับหลังจากที่เชื้อเสียแล้วตัวอ่อนก็จะตายไปด้วยเช่นกัน(ดีที่สุดควรจะอยู่ที่26องศาครับ)ดังนั้นไครที่ไม่สามารถคุมอุณภูมิได้ก็ขอให้ไปเลือกใช้ไม้ผุบทหรืออาหารตัวอ่อนที่ขายสำเร็จทั่วไปจะดีกว่าครับสำหรับขนาดกระปุกที่เลี้ยงตัวอ่อนเราจะแบ่งเป็นสองประเภทได้แก่การเลี้ยงตัวอ่อนโดยเชื้อเห็ดและการเลี้ยงตัวอ่อนโดยไม้ผุบทหรืออาหารตัวอ่อนสำเร็จครับถ้าเลี้ยงด้วยเชื้อเห็ดแน่นอนครับต้องคุมอุณภมิให้ได้ไม่เกิน30องศาครับ26ถือว่าดีที่สุดสำหรับขนาดของกระปุกเชื้อเห็ดที่เราสามารถหาซื้อได้วันนี้ก็จะมี 850cc เป็นเชื้อเห็ดนางฟ้าจากwww.siambeetle.comครับ.


รูปด่านล่างนี้เป็นรูปเชื้อเห็ดนำเข้าจากญี่ปุ่นขนาด1400cc

  

    ปกติแล้วถ้าต้องการให้ตัวอ่อนกินเชื้อเห็ดควรให้ตัวอ่อนเข้าระยะL2ไปแล้วเท่านั้นครับเพราะถ้าเป็นระยะL1ตัวอ่อนจะมีภูมิต้านทานน้อยอาจเกิดอาการไม่ชินและตายในที่สุดครับ. ดังนั้นในขณะที่ด้วงของเรามีขนาดL1ควรจะหากระปุกที่มีขนาดประมาน200-300mlใส่ไม้ผุบทหรืออาหารสำเร็จรูปให้ด้วงอยู่กินไปก่อนจนเข้าL2ครับหลังจากนั้นก็สามารถเปลี่ยนเป็นเชื้อเห็ดขนาด650ccก็ได้ครับ รอจนกว่าด้วงจะกินเชื้อหมดประมาน70%  แล้วค่อยเปลี่ยนกระปุกใหม่ สังเกตุง่ายๆว่าถ้ากระปุกเชื้อเห็ดกลายเป็นสีกาแฟประมาน70%ก็สามารถเปลี่ยนกระปุกได้แล้วครับ ถ้าเป็นตัวอ่อนเป็นเพศเมียให้ใช้เป็น650ccต่อครับแต่ถ้าเป็นตัวผู้สามารถใช้เป็นขนาด1400ccได้เลยครับเปลี่ยนกระปุกเมื่อไหรนั้นขึ้นอยู่กับตัวด้วงแล้วหละครับว่าจะกินหมดเมื่อไหรโดยเฉลี่ยแล้ว1400ccจะได้ประมาน 1.5-2 เดือนเปลี่ยนหนึ่งครั้งครับสำหรับ650ccจะอยู่ที่1-1.5 เดือนครับแล้วแต่ขนาดและชนิดของด้วงครับ.ต่อมาจะเป็นการเลี้ยงตัวอ่อนโดยการใช้ไม้ผุบทหรืออาหารตัวอ่อนด้วงคีมสำเร็จรูปครับวิธีนี้ง่ายๆคล้ายกับวิธีการเลี้ยงตัวอ่อนของพวกด้วงกว่างครับ.L1 ควรจะใช้กระปุกที่มีขนาด200-300ml,L2ควรใช้กระปุกที่มีขนาด 500-600ml,L3 ควรใช้900-1000mlขึ้นไปครับ เฉลี่ยแล้วเปลี่ยนอาหาร1-1.5เดือนต่อหนึ่งครั้งแล้วแต่ความต้องการของตัวอ่อนว่าจะกินมากน้อยแค่ไหน.   เพียงแค่นี้การเพาะด้วงก็จะไม่ยากอีกต่อไปครับ.รูปภาพของกระปุกสำหรับเลี้ยงตัวอ่อนไซต์ต่างๆครับ




ควรแยกเลี้ยงหนอนกระปุกละตัวเพื่อไม่เป็นการแย่งอาหารและหลีกเลี่ยงการต่อสู้ในภาพนี้เป็นตัวอ่อนของด้วงดอกไม้โปลิเฟมัส(Mecynorhina polyphemus)ระยะL3ทั้งหมดครับ



ใส่อาหารให้เรียบร้อยครับ


รูปตัวอ่อนด้วงคีมฟันเลื่อยธรรมดาในระยะL3



รูปด่านล่างจะเป็นอุปกรณ์เลี้ยงด้วงต่างๆครับได้แก่อาหารด้วงคีมสำเร็จรูปจากWilly Bugs(ร้านขายอุปกรณ์ด้วงชื่อดังจากประเทศจีน)เชื้อเห็ดสำหรับตัวอ่อน กระปุกสำหรับใส่ตัวอ่อนและเยลลี่สำหรับตัวเต็มวัยนำเข้าจากญี่ปุ่นโดยพี่หนุ่ม(FB:Esan Insect)







ผู้ดูแลบอร์ด

อยากกลับประเทศไทยเร็วๆจัง

Rank: 20Rank: 20Rank: 20Rank: 20Rank: 20

เวลาออนไลน์
621 ชั่วโมง
UID
11
เครดิต
3848
ความเทพ
284
ประสบการณ์
2978
ทองคำ
10
โพสต์
282
กระทู้
27
สมัครสมาชิกเมื่อ
2012-2-2
เข้าสู่ระบบล่าสุด
2023-4-11
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย pun0007za เมื่อ 2013-7-29 00:44

การดูแลดักแด้และการทำโพรงเทียมรวมถึงการดูแลตัวเต็มวัยเบื้องต้น

   หลังจากที่เราได้ทราบวิธีการเพาะด้วงแต่ล่ะชนิดแล้วรวมถึงการเลี้ยงตัวอ่อนเรามาดูทางด้านดักแด้กันบ้างนะครับดักแด้นั้นเป็นช่วงที่ค่อนข้างจะอ่อนแอที่สุดในแต่ล่ะระยะแล้วหละครับดังนั้นการที่เราจะหยิบดักแด้มาดูถ่ายรูปหรือเครื่อนที่กระปุกควรจะทำให้น้อยที่สุดครับโดยเฉพาะการถ่ายรูปห้ามใช้เฟลชเด็จขาตครับเพราะอาจทำให้ดักแด้ตกใจและตายได้.สำหรับนักเพาะมือใหม่มักจะสงสัยว่าจะรู้ได้อย่างไรว่าด้วงจะใกล้เข้าดักแด้แล้ว?สังเกตุได้ไม่ยากครับ ไม่ว่าจะเป็นด้วงคีม ด้วงกว่าง หรือด้วงดอกไม้เมื่อใกล้เข้าดักแด้ สีของตัวอ่อนจะเปลี่ยนเป็นสีที่เข้มขึ้นครับและตัวอ่อนจะมีการเคลื่อนไหวที่ช้าลงครับเช่นด้วงกว่างจะออกเป็นสีเหลืองได้อย่างชัดเจนยิ่งใกล้เข้าดักแด้มากเท่าไหรก็จะเหลืองมากขึ้นหรือสีเข้มมากขึ้นครับปกติแล้วด้วงส่วนใหญ่มักจะสร้างโพรงเป็นแนวตั้งหรือแนวนอนแล้วแต่ชนิดเพื่อเป็นที่สำหรับรอกคาบเข้าสู่ระยะดักแด้ครับแต่ด้วงบางชนิดก็จะทำเป็นกระเปาะเล็กๆและรอกคาบภายในกระเปาะที่สร้างไว้ครับครับเช่นพวกกลุ่มด้วงดอกไม้(Cetoniinae sp.)กลุ่มด้วงคีมโอดอนฯ(Odontolabis sp.)และพวกกว่างสามเขา(Chalcosoma sp.)เป็นต้นครับ ,สำหรับนักเพาะเลี้ยงที่เกิดไม่ระวังทำโพรงดักแด้ที่ตัวอ่อนสร้างไว้พังหรือต้องการถ่ายรูปดักแด้สามารถทำโพรงเทียมให้กับตัวอ่อนได้ครับโดยการใช้โอเอซิส(หาซื้อได้ตามร้านที่ขายดอกไม้เทียมหรือสดทั่วไปครับ)วิธีทำง่ายๆครับ โดยการให้ช้อนขูดให้เป็นโพรงพยายามทำเลียนโพรงแบบธรรมชาติให้เหมือนที่สุดเพราะว่าถ้าไม่เท่ากันอาจทำให้ด้วงที่รอกคาบออกมามีปีกที่ไม่สวยครับหรือถึงอาจรอกคาบไม่ผ่านเลยก็เป็นได้ครับเราสามารถทำโพรงได้สองแบบครับได้แก่1.โพรงแนวตั้งสำหรับด้วงที่ทำโพรงเป็นแนวตั้งครับเช่นกว่างญี่ปุ่น กว่างชนฯลฯ 2.โพรงแนวนอนครับสำหรับด้วงคีมทั่วไปและด้วงที่เข้าระยะดักแด้ในกระเปาะครับเช่นกว่างสามเขา(Chalcosoma sp.)และพวกด้วงดอกไม้ (Cetoniinae sp.)   เป็นต้นหลังจากที่ใช้ช้อนทำเป็นโพรงเสร็จแล้วให้ใช้นิ้วขูดๆลูปๆเพื่อให้ผิวของโอเอซิสเนียครับ(ตามรูป)ด้านซ้ายเป็นโพรงสำหรับด้วงที่เข้าดักแด้แนวนอนและด้านขวาเป็นโพรงสำหรับด้วงที่เขาดักแด้แนวตั้งครับ  




แค่นี้เราก็จะได้โพรงดักแด้ที่สวยงามแล้วครับ(ถ้าไม่จำเป็นไม่ควรนำดักแด้ออกมาจากโพรงของแท้นอกเสียจากไม่ระวังทำโพรงเสียหรือต้องการถ่ายรูป).สำหรับนักเพาะมือใหม่หลายคนอาสงสัยว่าจะรู้ได้อย่างไรว่าดักแด้นั้นจะรอกคาบเป็นตัวเต็มวัย?สามารถสังเกตุได้เหมือนกันครับ หลังจากที่ด้วงเข้าสู่ระยะดักแด้แล้วสีของดักแด้ก็จะเข้มขึ้นเรื่อยๆครับก็หมายความว่าถ้าสีของดักแด้ยิ่งเข้มมากเท่าไหรก็ยิ่งใกล้วันรอกคาบของระยะดักแด้เข้าสู่ตัวเต็มวัยครับ(ตามรูป)ขอขอบคุณรูปจากหนังสือMOOKหรือBEKUWA เล่มที่7ครับในภาพเป็นรูปของตัวอ่อนที่เพิ่งเข้าระยะดักแด้และใกล้เข้าสู่ระยะตะวเต็มวัยครับ


  

เฉลี่ยระยะเวลาของดักแด้แล้วประมาน25วันถึง1เดือนขึ้นไปแล้วแต่ชนิดของด้วงครับ.หลังจากที่ดักแด้เข้าสู่ระยะตัวเต็มวัยได้สมบูรณ์แล้วด้วงจะทำการพักตัวและในขณะพักตัวนั้นด้วงจะไม่กินอาหารครับจะกินก็ต่อเมื่อพร้อมแล้วเท่านั้นสามารถหากล่องพลาสติกหรือตู้ปลาขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ใช้กระดาษทิชชู่หรือวัสดุปูพื้นรองพื้นครับให้ด้วงอยู่ไปก่อนเมื่อไหรที่ด้วงพยามที่จะออกจากกล่องหรือพยามบินแสดงว่าด้วงพร้อมที่จะกินอาหารและผสมพันธุ์แล้วครับ.สำหรับดักแด้ที่อยู่ในโพรงธรรมชาติปกติควรรอจนกว่าด้วงจะมีอาการต้องการออกจากกระปุกเองจึงจะสามารถนำอาหารให้กินได้และการผสมพันธุ์.


การป้องกันโรคลายจุดของตัวอ่อนและการรักษา

สำหรับนักเพาะด้วงมือใหม่อาจจะสงสัยว่าทำไมตัวอ่อนที่เลี้ยงอยู่เกิดลายจุดสีดำแปลกๆขึ้นมาตามผิวของตัวอ่อน?โรคลายจุดสามารถเกิดได้หลากหลายประการมากๆครับแต่ประเด็นส่วนใหญ่แล้วเรามักจะเจออยู่ไม่หน้าเกินสองประเภทครับได้แก่ 1.ดินหรืออาหารตัวอ่อนชื้นเกินไปดังนั้นเวลาตอนผสมอาหารตัวอ่อนควรจะไม่ให้ชื้นเกินไปครับ2.นำอาหารเก่ามาเลี้ยงซึ่งอาจจะมีสิ่งสกปรกอยู่ในอาหารของตัวอ่อนครับเช่นอาหารเหลือจากการเปลี่ยนอาหารไม่ควรใส่ลงไปครับอาจใส่ลงไปนึดหน่อยสำหรับคนที่จะเปลี่ยนสูตรอาหารเพื่อให้ด้วงทำความคุ้นเคยกับอาหารสูตรใหม่ครับหรือถ้าเป็นอาหารที่ไม่ได้ใช้แต่ทิ้งไว้เป็นเวลานานควรจะนำไปตากแดดหรือเข้าตู้อบฆ่าเชื้อโรคก่อนนำมาใช้ครับ.แล้วโรคลายจุดนั้นมันมีความอันตรายขนาดไหน?ส่วนใหญ่แล้วตัวอ่อนที่ติดโรคนี้ จะมีอาการซูบผอมลงครับผมเคยเลี้ยงหนอนด้วงกว่างเฮอร์คิวลิสแล้วติดโรคนี้ครับจาก40gลดลงไปเหลือเพียงแค่20gครับและก็ตายในที่สุดรูปนี้เป็นรูปหนอนกว่างเฮอร์คิวลิสที่ติดโรคลายจุดระยะแรกๆครับ





ในบางกรณีก็สามารถเลี้ยงออกมาจนเป็นตัวเต็มวัยครับเช่นกันครับแต่ปกติแล้วจะรอกคาบไม่ผ่านระยะเข้าดักแด้หรือตอนรอกคาบเป็นตัวเต็มวัยถึงจะรอกได้ก็อาจจะได้เพียงครึ่งตัวเท่านั้นครับดังนั้นรู้แบบนี้แล้วเรามาดูวิธีแก้กันเถอะครับ

1. นำตัวอ่อนล้างน้ำครับอุณภูมิน้ำห้ามเย็นไปและร้อนไปครับ(25-30)

2. ใช้กระปุกใหม่ อาหารใหม่เลี้ยงตัวอ่อนควรผสมให้แห้งกว่าปกตินึดหน่อยครับอาหารเก่านำไปทิ้งได้เลยครับ   

3.นำน้ำยาฟอกขาวฆ่าเชื้อในกระปุกเก่าแช่ทิ้งไว้ 24 ชั่วโมงแล้วถึงจะนำกระปุกเก่าไปใช้ต่อได้  เนื่องจากโรคลายจุดเป็นโรคติดต่อดังนั้นไม่ควรนำกระปุกที่ติดเชื้อให้ตัวอ่อนตัวอื่นใช้ต่อถ้จำเป็นต้องใช้ต่อควรนำไปฆ่าเชื้อก่อนใช้ครับนอกจากนี้ควรล้างมือเสอมหลังจากที่จับตัวอ่อนที่เป็นโรคลายจุดเพราะถ้าไปจับตัวอ่อนตัวอื่นๆอาจติดโรคลายจุดได้ครับ.

   หลังจากที่ทำตามขั้นตอนทั้งหมดแล้วให้รอดูอาการต่อไปอีกสองอาทิตย์ครับถ้าจุดบนตัวอ่อนหยุดเพิ่มหรือลดลงก็แสดงว่าการรักษาสำเร็จครับหรือมีโอกาศรอดสูงครับแต่ถ้าลายจุดเพิ่มขึ้นก็ดูอาการต่อไปเรื่อยๆครับถ้าหลังจากนี้อีกสองอาทิตย์ลายจุดบนตัวด้วงยังไม่หยุดเพิ่มโอกาศรอดก็จะน้อยมากๆครับ,ตัวอ่อนจะรอดหรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่กับโชคแล้วหละครับเพราะเรารักษาได้เต็มที่เท่านี้ครับ.


วิธีการแยกเพศของตัวอ่อน

    สำหรับนักเพาะเลี้ยงมือใหม่ต้องส่งสัยมากแน่ๆครับว่าตัวอ่อนนั้นดูเพศอย่างไร?  สังเกตุง่ายๆครับ ถ้าเป็นตัวอ่อนด้วงกว่างตัวผู้หรือด้วงดอกไม้ตัวผู้นั้นจะมีขีดหรือจุดอยู่ท้องปล้องที่สามขนาดประมาน0.5mmนับจากด่านล่างสุดขึ้นมาครับแต่ถ้าเป็นตัวอ่อนตัวเมียจะไม่มีครับและจะจุดหรือขีดที่ว่านี้สามารถมองเห็นได้หลังจากเข้าระยะแอลสามไปซักพัคแล้วเท่านั้นครับ(ตามรูป)บางชนิดอาจมองเห็นได้ในระยะแอลสองแต่ไม่ชัวร์จะสามารถดูได้ชัวร์100%นั้นต้องเข้าระยะแอลสามไปแล้วเท่านั้น มาดูทางด้านตัวอ่อนของด้วงคีมกันบ้างนะครับ  ตัวอ่อนของด้วงคีมนั้นสามารถแบ่งเพศได้100%ตอนเข้าระยะแอลสามไปซักพัคแล้วเช่นกันกับด้วงกว่างครับ สังเกตุได้ง่ายๆว่าถ้าตัวอ่อนตัวเมียจะมีก้อนกลมๆลักษณะเหมือนรังไข่อยู่ในท้องครับ(ตามรูป)แต่ถ้าเป็นตัวผู้จะไม่มีครับ ขอจบบทความเพียงเท่านี้ ขอให้ทุกโชคดีครับ ขอบคุณครับ  

ขอขอบคุณรูปภาพดีๆจากหนังสือ For the Love of RHINOCEROS and STAG BEETLES อีกเช่นเคยครับ


รูปตัวอ่อนด้วงกว่างเฮอร์คิวลิสเพศผู้



รูปตัวอ่อนด้วงคีมเคอร์วิเดนส์เพศเมีย

มี 2 ผู้ให้คะแนนความเทพ ย่อ เหตุผล
pppiaw14566 + 1 เห็นด้วยมากๆ
AirBow + 1 เนื้อหาดีมีสาระ.

คะแนนรวม: ความเทพ + 2   ดูบันทึกคะแนน

Rank: 5Rank: 5

เวลาออนไลน์
417 ชั่วโมง
UID
19
เครดิต
1191
ความเทพ
1
ประสบการณ์
1155
ทองคำ
0
โพสต์
32
กระทู้
8
สมัครสมาชิกเมื่อ
2012-2-3
เข้าสู่ระบบล่าสุด
2015-10-29
อ่านแล้วอยากเป็นบรีดเดอร์

Rank: 5Rank: 5

เวลาออนไลน์
184 ชั่วโมง
UID
9
เครดิต
1096
ความเทพ
13
ประสบการณ์
736
ทองคำ
10
โพสต์
314
กระทู้
36
สมัครสมาชิกเมื่อ
2012-2-2
เข้าสู่ระบบล่าสุด
2014-8-5
5#
โพสต์เมื่อ 2012-2-28 10:12:04 |แสดงเฉพาะโพสต์ของสมาชิกนี้
ไปเขียนหนังสือขายเหอะพี่ว่า เยอะโคตร

แสดงความคิดเห็น

pun0007za  โห พี่นิคไม่เยอะขนาดนั้นหรอกครับ 555+  โพสต์เมื่อ 2012-2-28 14:55:54

Rank: 20Rank: 20Rank: 20Rank: 20Rank: 20

เวลาออนไลน์
753 ชั่วโมง
UID
44
เครดิต
3603
ความเทพ
244
ประสบการณ์
2186
ทองคำ
10
โพสต์
909
กระทู้
67
สมัครสมาชิกเมื่อ
2012-2-12
เข้าสู่ระบบล่าสุด
2018-3-19
6#
โพสต์เมื่อ 2012-2-28 12:47:35 |แสดงเฉพาะโพสต์ของสมาชิกนี้
สุดยอดครับปั่นๆ

ผู้ดูแลบอร์ด

อยากกลับประเทศไทยเร็วๆจัง

Rank: 20Rank: 20Rank: 20Rank: 20Rank: 20

เวลาออนไลน์
621 ชั่วโมง
UID
11
เครดิต
3848
ความเทพ
284
ประสบการณ์
2978
ทองคำ
10
โพสต์
282
กระทู้
27
สมัครสมาชิกเมื่อ
2012-2-2
เข้าสู่ระบบล่าสุด
2023-4-11
7#
โพสต์เมื่อ 2012-2-28 14:52:38 |แสดงเฉพาะโพสต์ของสมาชิกนี้
ต้นฉบับโพสต์โดย Gap เมื่อ 2012-2-28 12:47
สุดยอดครับปั่นๆ

ขอบคุณครับแก็ป

Rank: 20Rank: 20Rank: 20Rank: 20Rank: 20

เวลาออนไลน์
41 ชั่วโมง
UID
33
เครดิต
215
ความเทพ
4
ประสบการณ์
166
ทองคำ
0
โพสต์
39
กระทู้
3
สมัครสมาชิกเมื่อ
2012-2-3
เข้าสู่ระบบล่าสุด
2013-5-11
8#
โพสต์เมื่อ 2012-2-28 15:25:01 |แสดงเฉพาะโพสต์ของสมาชิกนี้
เจ๋งเลยน้องพี่!!

แสดงความคิดเห็น

pun0007za  ขอบคุณครับพี่ชาย~~  โพสต์เมื่อ 2012-2-28 15:29:44

Rank: 25Rank: 25Rank: 25Rank: 25Rank: 25Rank: 25Rank: 25

เวลาออนไลน์
1477 ชั่วโมง
UID
1
เครดิต
8072
ความเทพ
766
ประสบการณ์
4261
ทองคำ
201
โพสต์
1877
กระทู้
197
สมัครสมาชิกเมื่อ
2012-1-16
เข้าสู่ระบบล่าสุด
2017-1-28
9#
โพสต์เมื่อ 2012-2-28 16:06:29 |แสดงเฉพาะโพสต์ของสมาชิกนี้
แหล่มๆ
ถ้ามีองค์ความรู้ครบ เหล่านักเพาะพันธุ์หน้าใหม่ๆจะมีตามมาอีกเพียบแน่ๆ
อาจจะเป็นคนที่กำลังอ่านกระทู้นี้ก็ได้

แสดงความคิดเห็น

pun0007za  ขอบคุณมากๆครับ  โพสต์เมื่อ 2012-2-28 16:44:42

Rank: 3Rank: 3

เวลาออนไลน์
44 ชั่วโมง
UID
7
เครดิต
237
ความเทพ
1
ประสบการณ์
208
ทองคำ
0
โพสต์
27
กระทู้
1
สมัครสมาชิกเมื่อ
2012-2-2
เข้าสู่ระบบล่าสุด
2015-7-3
10#
โพสต์เมื่อ 2012-2-28 17:38:00 |แสดงเฉพาะโพสต์ของสมาชิกนี้
อ๋อค่ะ เป็นยั่งงี้ย์นี้ย์เอง
คุณต้องเข้าสู่ระบบก่อนจึงจะสามารถตอบกลับ เข้าสู่ระบบ | สมัครสมาชิก

รูปแบบข้อความล้วน|Siambeetle

GMT+7, 2024-4-25 13:57 , Processed in 0.026271 second(s), 11 queries .

Powered by Discuz! X2

© 2001-2011 Comsenz Inc.

ขึ้นไปด้านบน